บทนำ: การนำสลบอย่างรวดเร็วและให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อทันทีร่วมกับการกดกระดูกอ่อน cricoids เป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับการใส่ท่อหายใจผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการสำลักอาหารเข้าปอด ยาหย่อนกล้ามเนื้อที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ succinyl-choline และ rocuronium ยังคงมีข้อจำกัดการใช้ในผู้ป่วยบางกลุ่มวัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการใส่ท่อหายใจและลักษณะการออกฤทธิ์ของยาในผู้ป่วยที่ได้รับยา cisatracurium โดยวิธีให้ยาขนาดน้อยนำไปก่อนขนาดที่ใช้ใส่ท่อหายใจ (priming) เปรียบเทียบกับยา rocuronium วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบ randomized, double-blinded controlled trial ศึกษาในผู้ป่วย 134 รายที่มี ASA physical status ระดับ 1-2 และอายุระหว่าง 18-65 ปี ที่มาเข้ารับการผ่าตัดแบบไม่เร่งด่วนและต้องได้รับการระงับความรู้สึกทั้งตัวร่วมกับการใส่ท่อหายใจ แบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม โดยการสุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้รับยาหลอกเป็นน้ำเกลือนอร์มัล 2 มล.และได้ยา rocuronium 0.9 มก./กก. สำหรับใส่ท่อหายใจ กลุ่มที่ 2 ได้ยา cisatracurium 0.02 มก./กก. นำไปก่อนและได้ยา cisatracurium 0.18 มก./กก. สำหรับใส่ท่อหายใจ ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อหายใจที่เวลา 90 วินาทีและประเมินประสิทธิภาพของการใส่ท่อหายใจตามเกณฑ์ของ Goldberg บันทึกค่า train-of-four (TOF) ที่ 60, 90 และ 120 วินาที ระยะเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ ระยะเวลาของการออกฤทธิ์ และภาวะแทรกซ้อนจากการใส่ท่อหายใจผลการศึกษา: ข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สามารถใส่ท่อหายใจได้สำเร็จในผู้ป่วยทุกรายด้วยประสิทธิภาพระดับดี และดีมาก ระยะเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่ในกลุ่ม rocuronium และ cisatracurium เท่ากับ 145 วินาที และ 215 วินาที ตามลำดับ ระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์เท่ากับ 63.5 นาที และ 69.5 นาที ตามลำดับ โดยค่า TOF ในกลุ่ม rocuronium มีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็วกว่า สำหรับภาวะแทรกซ้อนพบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญสรุป: การใส่ท่อหายใจในผู้ป่วยที่ได้รับยา cisatracurium โดยการ priming ที่ 90 วินาที มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกันกับกลุ่ม rocuronium  และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกัน