การศึกษาเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างการล้างจมูกโดยใช้น้ำเกลือเข้มข้นมากกว่าเลือด (hypertonic solution) และน้ำเกลือเข้มข้นเท่ากับเลือด (isotonic solution) ในผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกหลังได้รับการรักษาโดยรังสีรักษา
สมรัก สมหวัง*, วรวรรธน์ ระหว่างบ้าน
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์หลัก: การล้างจมูกในผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูก หลังได้รับรังสีรักษา โดยการใช้น้ำเกลือที่มีความเข้มข้น มากกว่าเลือด (hypertonic solution) ช่วยเพิ่มการทำงานของขนพัดโบก (mucociliary function) ได้ดีกว่าการล้างจมูก โดยการใช้น้ำเกลือที่มีความเข้มข้นเท่ากับเลือด (isotonic solution) หรือไม่
ลักษณะการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (randomized controlled trial)
วิธีการศึกษา: ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูก หลังได้รับรังสีรักษาในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่เข้ารับการตรวจรักษา ที่คลินิกโสต ศอ และนาสิก จำนวน 12 คน ถูกแบ่งสุ่มเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 จะได้รับการล้างจมูกโดยน้ำเกลือ เข้มข้นสูงกว่าเลือด (hypertonic solution; 2.7% NaCl) ส่วนกลุ่มที่ 2 จะได้รับการล้างจมูกโดยน้ำเกลือเข้มข้น เท่ากับเลือด (isotonic solution; 0.9% NaCl) จากนั้นทำการวัดเวลาการทำงานในการขับอนุมูลสารของขนพัดโบก โดยใช้สารแซคคาริน (saccharine clearance time) อาการทางจมูกโดยใช้ Lund symptom scores และผลข้างเคียง จากการให้น้ำเกลือล้างจมูกที่ 4 สัปดาห์ และ 8 สัปดาห์
ผลการศึกษา: หลังจากล้างจมูก 4 สัปดาห์ พบว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างสองกลุ่ม ทั้ง saccharine clearance time (11.80ฑ10.4976, 13.75ฑ9.6738; p = 0.7829) และ Lund symptom scores (1.40ฑ14.9432, 2.75ฑ10.7819; p = 0.1407) และหลังจากล้างจมูก 8 สัปดาห์พบว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างสองกลุ่มทั้งsaccharine clearance time (11.80ฑ10.0349, 15.25ฑ5.500; p = 0.5596) และ Lund symptom scores (2.60ฑ9.3160, 6.00ฑ12.8322; p = 0.6579) แต่อย่างไรก็ตามแนวโน้ม saccharine clearance time และ Lund symptom scores ดีขึ้น เมื่อเทียบ กับเริ่มต้นงานวิจัย
สรุป: ไม่พบความแตกต่างของทั้ง saccharine clearance time และ Lund symptom scores ระหว่างการล้าง ด้วยน้ำเกลือความเข้มข้นสูงกว่าเลือด (2.7% NaCl) และน้ำเกลือที่มีความเข้มข้นเท่ากับเลือด (0.9% NaCl)
 
ที่มา
วารสารหู คอ จมูก และใบหน้า ปี 2560, July-December ปีที่: 18 ฉบับที่ 2 หน้า 46-54