ประสิทธิผลของยา diclofenac ในการบำบัดอาการปวด ภายหลังการผ่าตัดคลอดบุตรในโรงพยาบาลปทุมธานี
วิวัฒน์ ภัทรีชวาล
Department of Obstetrics and Gynecology, Pathumthani Hospital, Pathumthani
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้ยา  diclofenac 75 มก.  ฉีดเข้ากล้ามเนื้อร่วมกับการรับประทานยา diclofenac  จำนวน 50 มก. ทุก 8 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 2 วัน  ในการบำบัดอาการปวดภายหลังการผ่าตัดคลอดบุตรรูปแบบการวิจัย : การวิจัยเชิงทดลองแบบ prospective, randomized  controlled  studyกลุ่มตัวอย่าง : หญิงตั้งครรภ์ที่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดคลอดบุตรในโรงพยาบาลปทุมธานี  ระหว่างเดือนมกราคม  พ.ศ. 2549  ถึง เดือนมิถุนายน  พ.ศ. 2549  จำนวนทั้งหมด 60 รายวิธีดำเนินการวิจัย : หญิงตั้งครรภ์ที่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดคลอดบุตร  และยินยอมเข้าร่วมโครงการ  ได้รับการสุ่มคัดเลือกเป็นสองกลุ่ม ๆ ละ 30 ราย  กลุ่มศึกษาจะได้รับยา diclofenac 75 มก.  ฉีดเข้ากล้ามเนื้อและได้รับยารับประทาน  50 มก.  ทุก 8 ชั่วโมง  เป็นระยะเวลา 2 วัน  ส่วนกลุ่มควบคุมจะได้รับยาแก้ปวด  acetaminophen  ชนิดรับประทาน  กลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มได้รับการผ่าตัดโดยสูติแพทย์คนเดียวกัน  ทำการเก็บข้อมูลพื้นฐาน  และประเมินความรุนแรงของอาการปวดภายหลังการผ่าตัดคลอดบุตรโดยใช้  pain  faces  scaleตัววัดที่สำคัญ : อาการปวดภายหลังการผ่าตัดคลอดบุตรผลการวิจัย : กลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม  มีคุณลักษณะทั่วไปที่แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ  สำหรับความรุนแรงของอาการปวดภายหลังการผ่าตัดคลอดบุตร  พบว่ากลุ่มควบคุม  มีระดับคะแนนความปวดที่ 6  และ 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด  เท่ากับ 5.1 + 0.9 และ 3.4 + 1.4 ส่วนกลุ่มศึกษาเท่ากับ 2.5 + 0.5 และ 1.9 + 1.1  ซึ่งน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05)  สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากยาในกลุ่มศึกษา พบเพียง 1 ราย  ที่มีอาการปวดท้อง  แต่หายเป็นปกติภายหลังจากที่ได้รับการรักษาแบบกระเพาะอาหารอักเสบ  ด้วยการใช้ยาสรุป : การให้ยา diclofenac 75 มก.  ฉีดเข้ากล้ามเนื้อภายหลังการผ่าตัดคลอดบุตรร่วมกับการรับประทานยา  diclofenac 50 มก. ทุก 8 ชั่วโมง  นาน 2 วัน  สามารถลดอาการปวดภายหลังการผ่าตัดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  และไม่พบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่อย่างใด
ที่มา
วชิรเวชสาร ปี 2549, September-December ปีที่: 50 ฉบับที่ 3 หน้า 173-178
คำสำคัญ
caesarean section, Diclofenac, Post operative pain