การเปรียบเทียบสรรพคุณของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงกับไดโคลฟีแนคเป็นยาบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง
จันธิดา อินเทพ, บุญญาณี ศุภผล, บุษราวรรณ ศรีวรรธนะ, ประไพ วงศ์สินคงมั่น, ปราณี ชวลิตธำรง, ยุทธพงษ์ ศรีมงคล*, รัดใจ ไพเราะ, ไพจิตร์ วราชิตSa Kaeo Provincial Public Health Office, Sa Kaeo Province 27000
บทคัดย่อ
การศึกษาประสิทธิผลและผลข้างเคียงของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงเปรียบเทียบกับยาไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ในการรักษาผู้ป่วยอาการปวดหลังส่วนล่าง 2 กลุ่ม ที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว. กลุ่มหนึ่งจำนวน 37 ราย กินสารสกัดเถาวัลย์เปรียงบรรจุแคปซูล ขนาด 200 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน และอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 33 ราย กินยาไดโคลฟีแนคเม็ด ขนาด 25 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน. ผลการศึกษาแสดงว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงมีจำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในวันที่ 7 ของการรักษา แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และไม่พบการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีรวมทั้งผลข้างเคียงใด ๆ ; ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับยาไดโคลฟีแนคนั้นตรวจไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มมีระดับอาการปวดลดลงอย่างชัดเจนในวันที่ 3 และวันที่ 7. ผลการศึกษานี้ได้บ่งชี้ชัดว่าสารสกัดเถาวัลย์เปรียงที่ให้กินในขนาดวันละ 600 มิลลิกรัมนาน 7 วัน สามารถลดอาการปวดหลังส่วนล่างได้ไม่แตกต่างจากการใช้ยายาไดโคลฟีแนคขนาดวันละ 75 มิลลิกรัม
ที่มา
วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ปี 2550, January-April
ปีที่: 5 ฉบับที่ 1 หน้า 17-23
คำสำคัญ
Diclofenac, Derris scandens (Roxb.) Benth, Low back pain, ปวดหลังส่วนล่าง, เถาวัลย์เปรียง