ต้นทุน-ประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรคธาลัสซีเมียด้วยมาตรการวิธีการตรวจคัดกรองก่อนการสมรสและการตรวจคัดกรองหญิงมีครรภ์เมื่อไปฝากครรภ์
สุพล ลิมวัฒนานนท์, จุฬาภรณ์ ลิมวัฒนานนท์, อรุณี เจตศรีสุภาพ
บทคัดย่อ
                      โรคธาลัสซีเมีย (thalassemia) เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย  เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนเพื่อป้องกันเด็กเกิดใหม่ที่เป็นโรคนี้ นอกจากการ                ใช้วิธีการตรวจคัดกรองหญิงตั้งครรภ์ (ANC screening) แล้วการใช้มาตรการด้วยการตรวจคัดกรองในประชากรในวัยเจริญพันธุ์ก่อนการสมรส (premarital screening) จะมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์เพียงใดหรือไม่  การวิจัยนี้ใช้การคำนวณ                ต้นทุนและประสิทธิผลตามตัวแบบการวิเคราะห์การตัดสินใจ         (decision analysis model) ที่สร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data) และการประมาณการ โดยใช้มุมมองของผู้ให้บริการสุขภาพ (health care provider perspective)            ผลการศึกษาพบว่า การตรวจคัดกรองโรคทั้งแบบก่อนการสมรสและเมื่อไปฝากครรภ์ สามารถลดจำนวนทารกเกิดใหม่ที่เป็นโรคได้ เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ทำอะไรเลย (no          screening) คิดเป็น 17 และ 5 รายต่อแสน ตามลำดับ และยังสามารถลดต้นทุนด้านสุขภาพโดยรวมลงได้  เมื่อเปรียบเทียบระหว่างวิธีการตรวจคัดกรองทั้งสอง พบว่า  การตรวจคัดกรองแบบก่อนการสมรสมีลักษณะเป็น economic dominance ต่อการตรวจคัดกรองแบบเมื่อไปฝากครรภ์  เป็นที่น่าสังเกตว่า      แม้การตรวจคัดกรองก่อนการสมรสจะมีต้นทุนในส่วนของการคัดกรองที่สูงกว่า แต่เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายในการ         รักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคได้มากกว่า ดังนั้น การตรวจคัดกรอง              แบบก่อนการสมรสจึงมีต้นทุนด้านสุขภาพโดยรวมที่ต่ำกว่า            การตรวจคัดกรองแบบเมื่อไปฝากครรภ์  ปัจจัยที่มีผลทำให้     เกิดความผันแปรของส่วนต่างประสิทธิผลและต้นทุนระหว่างการตรวจคัดกรองแบบก่อนการสมรสกับการตรวจคัดกรองแบบเมื่อไปฝากครรภ์มากที่สุด คือ ความชุกของการเป็นพาหะ   โรคในคู่สมรส  รองลงไป คือ โอกาสที่ทารกจะเกิดเป็นโรคหากบิดา-มารดาเป็นคู่เสี่ยง  ปัจจัยที่มีผลต่อความผันแปรของประสิทธิผลและต้นทุนของมาตรการตรวจคัดกรองน้อยมาก       ได้แก่ ความไม่แน่นอนของอัตราการฝากครรภ์ภายใน 16          สัปดาห์  อัตราการทำแท้งภายหลังทราบผลตรวจยืนยัน  ความจำเพาะของการตรวจคัดกรอง  ต้นทุนของการตรวจยืนยัน และต้นทุนของการทำแท้ง  จากผลการศึกษาซึ่งพบว่า การตรวจคัดกรองแบบก่อนการสมรสซึ่งมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สูงกว่าการตรวจคัดกรองแบบเมื่อไปฝากครรภ์ทั้งในแง่ประสิทธิผลและต้นทุน (economic dominance)  รัฐบาลควรส่งเสริมให้มีการขยาย (scale up) มาตรการดังกล่าวให้ประชากรวัยเจริญพันธุ์ที่กำลังจะสมรสเข้าถึงบริการดังกล่าวให้ได้มากที่สุด โดยกำหนดให้มาตรการที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ดังกล่าวอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของกองทุนประกันสุขภาพ
ที่มา
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 2548